Your Cart(0)

ผักกาด ป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง

ผักกาด ผักธรรมดาที่คนไทยนิยมนำไปประกอบอาหาร ซึ่งความจริงแล้วผักกาดถูกจัดเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่ง ที่มีสรรพคุณเป็นยารักษาโรคได้มากมายจนหลายคนอาจคาดไม่ถึง

ผักกาดมี 2 ประเภท คือ ประเภทกินใบ ได้แก่ ผักกาดขาว ผักกาดดำ และประเภทกินดอก เช่น กะหล่ำดอก โดยผักกาดอุดมไปด้วยสารที่ช่วยป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง คนไทยในอดีตมักคั้นเอาเป็นน้ำสด ๆ ใช้อมกลั้วคอเพื่อรักษาอาการร้อนใน และใช้ทารักษาโรคโซไรอะซิส หรือโรคเรื้อนกวาง ขณะที่บร็อคโคลี่ก็ถือเป็นตระกูลเดียวกับผักกาด มีอีกชื่อหนึ่งว่า กะหล่ำดอกอิตาเลียน มีพลังงานมากกว่าผักคะน้า หัวไชโป๊ กะหล่ำดอก ผักกาดขาวปลี(อีลุ้ย) และกวางตุ้ง

ส่วนผักกาดหอม (ผักสลัด) ในทางวิทยาศาสตร์ชี้ว่า ผักในตระกูลนี้รักษาโรคได้ทุกโรค หรือที่เรียกว่า สรรพคุณครอบจักรวาล จึงแนะนำให้รับประทานผักชนิดนี้เสมอ เพราะโดดเด่นมากในเรื่องการป้องกันกระดูกพรุน หูตาพร่ามัว ป้องกันมะเร็ง ในขณะที่แพทย์แผนไทยโบราณได้จัดผักกาดเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่ง โดยน้ำต้มผักกาดสามารถใช้ดื่มแก้อาการเจ็บคอ ใช้หยอดเป็นยาล้างแผลเรื้อรัง และพ่นแก้อาการหอบหืด ถ้านำผักกาดบดหรือกวางตุ้งบดแล้วคั้นเอาแต่น้ำ ให้ได้ 2 ช้อนโต๊ะ แล้วเทลงไปในน้ำเดือดปริมาณ 1 ถ้วยตวง รอให้อุ่น ดื่มแทนน้ำจะช่วยเสริมพลังงาน ชะลอแก่

สรรพคุณของผักกาดไม่ได้มีเพียงเท่านี้ หากลวกใบผักกาดขาว ตัดเป็นท่อน ๆ โรยด้วยเกลือ น้ำส้ม น้ำตาล เหยาะน้ำมันงาบริสุทธิ์ 1 ช้อนชา หมักทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วทานกับข้าวต้มทุกวัน จะช่วยให้ฟื้นตัวจากไวรัสตับอักเสบบีได้รวดเร็ว และถ้านำผักกาดเขียวปลี 1 กิโลกรัมกับแห้วสดครึ่งกิโลกรัม ต้มดื่มเป็นน้ำชา แล้วบีบมะนาวลงไปด้วย ยังจะช่วยขับปัสสาวะและลดความร้อนในร่างกาย ป้องกันโรคนิ่วได้อีกด้วย
สรรพคุณ
หัวผักกาดขาว: มีรสเผ็ดหวาน คุณสมบัติเย็น (เป็นยิน) ช่วยย่อย แก้ไอมีเสมหะ ไม่มีเสียง อาเจียนเป็นโลหิต ท้องเสีย
เมล็ด: มีรสเผ็ดหวาน คุณสมบัติเป็นกลาง แก้ไอมีเสมหะ และหืด ช่วยให้ย่อย ท้องเสีย
ใบ: มีรสเผ็ดขม คุณสมบัติเป็นกลาง ช่วยย่อย เจ็บคอ ท้องเสีย ขับน้ำนม

ตำรับยา
1. อาการเรอเปรี้ยว: หั่นหัวผักกาดขาวดิบ 3-4 แว่นเคี้ยวกิน
2. เสียงแห้งไม่มีเสียง: คั้นน้ำหัวผักกาดขาว แล้วเติมน้ำขิงเล็กน้อยดื่ม
3. ไฟไหม้น้ำร้อนลวกหรือโดนสะเก็ดไฟ: ตำหัวผักกาดขาวให้แหลกแล้วพอกบริเวณที่เป็น หรือจะใช้เมล็ดทำให้แหลกแล้วพอกก็ได้
4. ฟกช้ำดำเขียว (ไม่เป็นแผล): ใช้หัวหรือใบดำให้ละเอียดแล้วพอกบริเวณที่เป็น หรือใช้เมล็ด 60 กรัม ตำให้ละเอียด คลุกกับเหล้า (อุ่นให้ร้อน) พอกบริเวณที่เป็น
5. แผลในปาก: คั้นน้ำหัวผักกาดขาวแล้วใช้บ้วนปากบ่อยๆ
6. หวัด: ต้มหัวผักกาดขาวดื่มน้ำ
7. ไอ: หัวผักกาดขาวพอประมาณใส่ขิงและน้ำผึ้งเล็กน้อยต้มดื่มน้ำ

ข้อควรระวัง
ผู้ที่มีอาการม้ามพร่อง คือ มีอาการท้องอืด แน่น เป็นประจำ กินอาหารแล้วไม่ค่อยย่อย มีแก๊สในกระเพาะอาหารมาก ไม่ควรกิน แต่ถ้ามีอาการท้องอืด แน่น ชั่วคราวเนื่องจากกินอาหารที่ย่อยยาก หรือกินมากเกินไป

หัวผักกาดขาวมี Mustard oil ซึ่งมีรสเผ็ด เมื่อสารนี้รวมกับเอนไซม์ในหัวผักกาดขาว มีฤทธิ์กระตุ้นให้กระเพาะอาหารและลำไส้เคลื่อนไหว ทำให้กินอาหารได้มากขึ้น และยังช่วยย่อยอาหารอีกด้วย ดังนั้นหลังกินอาหารจำพวกเนื้อหรือของมันๆ ควรกินหัวผักกาดขาวสักเล็กน้อย

เนื่องจาก Amylase ในหัวผักกาดขาวไม่ทนต่อความร้อน จะถูกทำลาย ณ อุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียส นอกจากนี้วิตามินซีก็ไม่ทนต่อความร้อนสูง ดังนั้นจึงควรกินหัวผักกาดขาวดิบๆ

สรรพคุณมากมายอย่างนี้ สมควรแล้วที่ถูกยกให้เป็นสมุนไพรครอบจักรวาล.
Share

Sukhumvit soi 21, Interchange Building B2 Floor Bangkok, 10110 Thailand 081 660 0864

We Accept...

We Accept Visa We Accept Mastercard We Accept PayPal